วิธีป้องกันและแก้ปัญหาริ้วรอย ทั้ง 4 แบบ
ริ้วรอยนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยทั่วไปจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่ริ้วรอยบางอย่างก็มีได้ตั้งแต่เด็กๆเลยก็ได้ พูดง่ายๆคือ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เราก็มีริ้วรอยได้ทั้งนั้นค่ะ และเพื่อให้เข้าใจง่าย หมอยุ้ยขอแบ่งตามสาเหตุคร่าวๆ ออกเป็น 4 แบบ
1. ริ้วรอยจากการขยับ (Dynamic wrinkle)
อันนี้มีทุกคน เกิดขึ้นเวลาที่เกิดการขยับของใบหน้าเท่านั้น ซึ่งริ้วรอยในกลุ่มนี้จะเกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดต่างๆที่มีอยู่ทั่วใบหน้า และลำคอ โดยริ้วรอยจะเกิดขึ้นตามแนวตั้งฉากกับแนวทิศทางที่กล้ามเนื้อขยับ ตัวอย่างเช่น
ริ้วรอยแนวขวางบริเวณหน้าผาก (Horizontal forehead line) เกิดเวลาเราย่นหน้าผาก หรือมองขึ้นด้านบน โดยเฉพาะเวลาแต่งหน้า บางคนชอบเลิกคิ้วหรือหน้าผาก เพื่อเขียนขอบตา หรือติดขนตาปลอม
ริ้วรอยตีนกา (crows’ feet)
รอยย่นเวลาขมวดคิ้ว หรือกำลังครุ่นคิด
วิธีแก้ไข : ใช้การฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือว่า โบท็อกซ์ เพื่อคลายไม่ให้กล้ามเนื้อขยับ เราก็จะขยับกล้ามเนื้อตรงจุดนั้นไม่ได้ เมื่อไม่เกิดการขยับ ก็จะไม่เกิดรอยย่นหรือริ้วรอยให้เห็น
ระยะเวลา: ออกฤทธิ์นานประมาณ 4-6 เดือน โดยตัวยาจะค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ เมื่อหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อก็จะกลับมาขยับได้ตามปกติ
ข้อดี: เป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดี ถ้าฉีดสม่ำเสมอตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยชนิดที่ 2 ได้ด้วยเมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยจะน้อยกว่าคนวัยเดียวกันที่ไม่ได้โบท็อกซ์
ข้อจำกัด: ผลการรักษาอยู่ได้ชั่วคราว ริ้วรอยบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยโบท็อกซ์ ถ้าฉีดมากเกินไป อาจจะทำให้ใบหน้าตึงเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง: ระวังเรื่องการใช้ยาปลอม หรือยาไม่ได้มาตรฐาน หรือถ้าคนฉีดไม่ใช่แพทย์ หรือเป็นแพทย์แต่ไม่ชำนาญเรื่องการฉีด อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น หน้าเบี้ยว ตาตก รูปทรงคิ้วแปลกไป เกิดการดื้อโบท็อกซ์ หรืออาจจะฉีดยาเกินขนาด
2. ริ้วรอยที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา (Static wrinkle)
มองเห็นชัดแม้จะอยู่เฉยๆ ซึ่งเกิดจากการที่มี dynamic line บ่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้นก็จะกลายเป็นริ้วรอยที่ค้างอยู่ตลอดแบบ static line ได้
ซึ่งริ้วรอยแบบนี้มักเจอในคนที่อายุเยอะ เมื่อเทียบกับชนิดแรกที่พบในคนอายุน้อยได้
วิธีแก้ไข: มักจะใช้การเติมฟิลเลอร์ เพื่อชดเชยร่องลึกให้ดูเติมเต็มขึ้น
ระยะเวลา: ถ้าเติมผิวชั้นตื้น มักอยู่ได้ 4-6 เดือน แต่ถ้าเติมชั้นลึก จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ซึ่งจะเติมตื้นหรือลึก ขึ้นกับตำแหน่งของริ้วรอย
ข้อดี: เห็นผลชัดเจนทันที นอกจากเติมเต็มริ้วรอยแล้ว ฟิลเลอร์หลายๆชนิดยังช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้นอีกด้วย เช่น ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ข้อจำกัด: การฉีดต้องใช้ความชำนาญและความแม่นยำมาก
ข้อควรระวัง : ระวังเรื่องการใช้ยาปลอม หรือยาไม่ได้มาตรฐาน หรือถ้าคนฉีดไม่ใช่แพทย์ หรือเป็นแพทย์แต่ไม่ชำนาญเรื่องการฉีด อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น เห็นเป็นก้อน อักเสบ ติดเชื้อ ตาบอด
3. ริ้วรอยจากผิวแห้งหรือผิวขาดความชุ่มชื้น (Dry skin)
ผิวหน้ามักลอกเป็นขุย หรือ ถ้าแห้งมากๆจะดูเหี่ยวย่น ริ้วรอยกลุ่มนี้จะต่างกับ 2 แบบแรกตรงที่จะเป็นริ้วรอยตื้นๆบางๆ ดูไม่เห็นเป็นริ้วรอยที่ชัดเจนนัก เช่น ริ้วรอยเล็กๆใต้ตา (มักเกิดร่วมกับการขยี้ตาบ่อยๆ)
วิธีแก้ไข: ถ้าเป็นริ้วรอยที่เกิดจากผิวแห้ง
สามารถทาครีมบำรุงเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ปรับสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวแห้ง เช่น ผสม HA (Hya), ceramide, B3 เป็นต้น
ดื่มน้ำเปล่าวันละ 1-2 ลิตร
ไม่ล้างหน้าด้วยน้ำที่ร้อนเกินไป
ไม่ล้างหน้าบ่อยเกินกว่าวันละ 2 ครั้ง
4. ริ้วรอยจากการถูกแสงแดดสะสมเป็นเวลานาน (Photoaging)
กลุ่มนี้มักจะเป็นริ้วรอยชัดเจน เช่น ใบหน้า ลำคอ และมักพบร่องรอยอื่นๆจากผิวเสื่อมสภาพจากแดดด้วย เช่น ผิวดูคล้ำกร้านแดด มีฝ้า กระ จุดด่างดำ ติ่งเนื้อ กระเนื้อ ผิวคล้อยขาดความยืดหยุ่น
วิธีแก้ไข อาจจะทำได้ยาก เนื่องจากแสงแดดทำให้ คอลลาเจน และอีลาสติน เสื่อมไปแล้ว
#กลุ่มนี้อยากให้เน้นที่วิธีป้องกันผิวจากแสงแดด (Sun protection)
#ร่วมกับการหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ (Sun avoidance) เช่น
การทากันแดดที่มีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสม (ทาเยอะพอ)
การทายากลุ่มวิตามิน (Topical tretinoin)
ใช้วิธีอื่นๆในการกันแดดเพิ่มเติม เช่น สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม สวมเสื้อผ้ากันแดด อยู่ในอาคาร หรืออยู่ใต้ร่มเงา เลี่ยงการออกแดดในช่วง 10.00-15.00 น.
สรุป
แต่ละคนสามารถมีริ้วรอยได้มากกว่า 1 ชนิด อันที่มีแน่ๆทุกคน คือ ชนิดที่ 1 (Dynamic wrinkle) เมื่อปล่อยให้เป็นมากจะกลายเป็นชนิดที่ 2 (Static wrinkle)
โบท็อกซ์ สามารถป้องกันไม่ให้ริ้วรอยแบบที่ 1 กลายเป็นแบบที่ 2 ได้ แต่ต้องฉีดต่อเนื่องในระยะหนึ่ง
ริ้วรอยยิ่งลึก หรือ ปล่อยไว้นานแล้วยิ่งแก้ไขได้ยาก
จะเห็นว่าการทาครีมบำรุงและกันแดด ช่วยได้เฉพาะริ้วรอยจากผิวแห้ง (แบบที่ 3) และจากการโดนแดดสะสม (แบบที่ 4) แต่แบบที่ 1 และ 2 ครีมไม่สามารถลดริ้วรอยได้ เพราะครีมไม่สามารถซึมลงไปได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ค่ะ
วิธีที่ช่วยลดริ้วรอยสำหรับคนที่กลัวเข็ม หรืออยากดูแลตัวเองในเบื้องต้นก่อน
ระวังเรื่องการขยับใบหน้า ไม่ขมวดคิ้ว หยีตา หรือ เลิกหน้าผากบ่อยๆ
การทาครีมบำรุงและกันแดดสม่ำเสมอ
เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว
นอนพักผ่อนเพียงพอ ไม่นอนดึก
ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่/ดื่มเหล้า
กินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา
นอนหงายแทนการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง
กินอาหารที่มีประโยชน์
ไม่ขัดหรือเช็ดถูใบหน้าแรงๆ
เพียงเท่านี้ก็สามารถลดการเกิดริ้วรอยได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว